วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ไวรัสเมอร์ส (MERS) โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กระทรวงสาธารณสุขออกโรงประกาศเตือ­­­­นให้เฝ้าระวัง แม้จะยังไม่เข้ามาในประเทศไทย แต่การที่มีข่าวพบผู้ป่วยในประเทศจีนและเกาหลีใต้ ก็ทำให้เราต้องรู้จักโรคนี้กันไว้บ้าง 


          เชื้อโรคและไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดใหม่ได้เสมอ ๆ แถมมาใหม่แต่ละครั้งก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างล่าสุดไวรัสเมอร์ส (MERS) โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจก็โผล่มาระบาดแ­­­­ละคร่าชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วน ที่สำคัญเจ้าไวรัสตัวนี้ยังแพร่ระบาดได้รวดเร็ว โดยจุดต้นกำเนิดอยู่ที่ตะวันออกกลาง แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีข่าวว่าเกาหลีใต้และจีนพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวร­­­­ัสตัวนี้แล้ว ดังนั้นกระปุกดอทคอมจึงต้องนำข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสเมอร์สมาให­­­้ศึกษากันก่อน จะได้รู้วิธีป้องกันระวังตัวจากเชื้อไวรัสเมอร์สกันค่ะ

 ไวรัสเมอร์ส คืออะไรกันแน่ ?

          ไวรัสเมอร์ส (MERS) ย่อมาจาก Middle East Respiratory Syndrome มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือบ้างก็ขนานนามโรคนี้ว่า เมอร์สคอฟ (MERS-CoV) เนื่องจากเป็นโรคจากการติดเชื้อในกลุ่มโคโรน่าไวรัส (Coronavirus: CoV) ซึ่งจัดเป็นไวรัสตระกูลใหญ่ที่เคยส่งโรคไข้หวัดใหญ่และโรคซาร์ส­­­ (SARS) ­มาระบาดไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน

 ต้นกำเนิดไวรัสเมอร์ส

ไวรัสเมอร์สตัวร้าย ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ต้องรู้จักก่อนเป็นเหยื่อ

          ไวรัสเมอร์สเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2012 โดยพบผู้เสียชีวิตด้วยไวรัสตัวนี้ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นท­­­­ี่แรก ซึ่งคาดว่าพาหะมาจากอูฐ และความรุนแรงของไวรัสเมอร์สก็คร่าชีวิตผู้คนกว่า 100 ราย อีกทั้งยังกระจายการแพร่ระบาดไปยังประเทศจอร์แดน, กาตาร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ตูนีเซีย, อียิปต์, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา และล่าสุด (มิถุนายน 2558) ก็พบเชื้อไวรัสตัวนี้ที่เกาหลีใต้และประเทศจีนแล้วด้วย

 การระบาดของไวรัสเมอร์ส

          อย่างที่บอกว่าไวรัสเมอร์สเป็นไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเ­­­­ดินหายใจ การแพร่ระบาดของเชื้อชนิดนี้จึงอาศัยละอองเสมหะเมื่อเกิดอาการไ­­­­อหรือจามของมนุษย์เป็นแหล่งซ่อนตัวและเกาะไปตามเชื้อ เมื่อคนที่ยังไม่ป่วยสัมผัสกับละอองเชื้อโรคเหล่านี้ ไวรัสเมอร์สก็สบโอ­กาสที่จะมีแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อไวรัสใหม่ การแพร่ระบาดจึงกระจายจากคนสู่คนได้

ไวรัสเมอร์สตัวร้าย ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ต้องรู้จักก่อนเป็นเหยื่อ

          ทว่า ณ ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในประเทศอังกฤษก็ยังคงยืนยันว่า ไวรัสเมอร์สยังไม่ใช่โรคระบาดที่ร้ายแรง แต่ทั้งนี้ก็เตือนให้ประชาชนรักษาสุขอนามัยของตัวเองให้ดีเพื่อ­­­­ป้องกันการติดเชื้อเบื้องต้นไว้ก่อน

 อาการโรคไวรัสเมอร์ส

          อาการที่สังเกตได้ว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สมักพบตั้งแต่ไม่มีอากา­­­­รแสดงออกจนกระทั่งมีอาการรุนแรงแล้ว โดยเริ่มแรกอาจมีอาการไอ มีไข้ หายใจลำบาก หรือบางคนที่มีภูมิต้านทานค่อนข้างแข็งแรงอาจมีอาการคล้ายคนเป็­­­­นไข้หวัดธรรมดาและจะหายเป็นปกติในเวลาไม่นาน ทว่าสำหรับคนที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัวแทรกซ้อนอยู่อาก­­­­ารก็จะรุนแรง โดยอาจมีไข้สูงและมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย ปวดมวนท้อง คลื่นไส้อาเจียน และในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงมาก ๆ อาจมีภาวะปอดบวมหรือไตวายร่วมด้วย

          ทั้งนี้อัตราการเสียชีวิตจากไวรัสเมอร์สอยู่ที่ 30% โดยจะมีผลรุนแรงต่อคนที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำและเหล่าคนที่เป็น­โร­­คเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน มะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคไต เป็นต้น

 การเฝ้าระวัง

          เชื้อไวรัสเมอร์สมีระยะเวลาฟักตัวอยู่ที่ 2-14 วัน ดังนั้นหากผู้ป่วยมีอาการไข้ ไอ หายใจเร็ว และหอบ ภายในระยะเวลา 14 วันหลังจากเพิ่งเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงของเชื้อไวรัสเมอร์ส หรือมีอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงแต่ไม่สามารถหา­­­­เชื้อที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคได้ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อไว­รั­­ส­เมอร์สโดยด่วน

 การรักษาโรคเมอร์ส

ไวรัสเมอร์สตัวร้าย ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ต้องรู้จักก่อนเป็นเหยื่อ

          ณ ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่มีข้อจำกัดในการใช้ยาต้านไวรัสเมอร์ส­­­­ เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาใหม่ จึงทำได้เพียงรักษาตามอาการและประคับประคองชีวิตคนไข้ไปจนกว่าอ­­­­าการอักเสบในระบบทางเดินหายใจจะหายเป็นปกติดี แต่สำหรับผู้ป่วยขั้นรุนแรงอาจต้องรักษาด้วยยาต้านไวรัส Oseltamivir ในขนาดที่ใช้รักษาอาการไข้หวัดใหญ่ไปก่อน

 การป้องกันไวรัสเมอร์ส

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืน

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif รักษาสุขอนามัยของตนเอง หากไอหรือจามควรใช้ทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสตา จมูก ปาก และใบหน้า โดยเฉพาะหากยังไม่ได้ล้างมือให้สะอาด

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif สวมหน้ากากอนามัยหากต้องอยู่ในที่แออัด

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif พยายามหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด เช่น จูบ กับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโรคเมอร์ส

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประเทศใกล้เคียง และประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศจีนในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสอยู่

          http://img.kapook.com/image/icon/48be2683.gif รักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

                                            เศรษฐกิจพอเพียง
จุดเริ่มต้นแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ผลจากการใช้แนวทางการพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่สังคมไทยอย่างมากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งกระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความสลับซับซ้อนจนยากที่จะอธิบายในเชิงสาเหตุและผลลัพธ์ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดต่างเป็นปัจจัยเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน 
สำหรับผลของการพัฒนาในด้านบวกนั้น ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางวัตถุ และสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบสื่อสารที่ทันสมัย หรือการขยายปริมาณและกระจายการศึกษาอย่างทั่วถึงมากขึ้น แต่ผลด้านบวกเหล่านี้ส่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผู้ด้อยโอกาสในสังคมน้อย 
แต่ว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้เกิดผลลบติดตามมาด้วย เช่น การขยายตัวของรัฐเข้าไปในชนบท ได้ส่งผลให้ชนบทเกิดความอ่อนแอในหลายด้าน ทั้งการต้องพึ่งพิงตลาดและพ่อค้าคนกลางในการสั่งสินค้าทุน ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพันธ์แบบเครือญาติ และการรวมกลุ่มกันตามประเพณีเพื่อการจัดการทรัพยากรที่เคยมีอยู่แต่เดิมแตกสลายลง ภูมิความรู้ที่เคยใช้แก้ปัญหาและสั่งสมปรับเปลี่ยนกันมาถูกลืมเลือนและเริ่มสูญหายไป 
สิ่งสำคัญ ก็คือ ความพอเพียงในการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ทำให้คนไทยสามารถพึ่งตนเอง และดำเนินชีวิตไปได้อย่างมีศักดิ์ศรีภายใต้อำนาจและความมีอิสระในการกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจัดการเพื่อให้ตนเองได้รับการสนองตอบต่อความต้องการต่างๆ รวมทั้งความสามารถในการจัดการปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นศักยภาพพื้นฐานที่คนไทยและสังคมไทยเคยมีอยู่แต่เดิม ต้องถูกกระทบกระเทือน ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบู่และปัญหาความอ่อนแอของชนบท รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนแต่เป็นข้อพิสูจน์และยืนยันปรากฎการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี อ่านเพิ่มเติม


ค่านิยม12ประการ

ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.
1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
อ่านเพิ่มเติม